คลังเก็บหมวดหมู่: สุขภาพ

กินอาหารที่ดีช่วยลดน้ำหนักได้ไวกว่าเดิม

กินอาหารที่ดีช่วยลดน้ำหนัก เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักให้ได้ไวๆ เราลองหันมาใส่เรื่องอาหารการกินดูสิ เพราะว่าการกินนี่ละ ที่จะช่วยทำให้เพื่อนๆและสาวๆ ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนได้ ไม่เหนื่อย ไม่ยาก อย่างที่คิดละ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 

-กาแฟดำ

เพื่อนๆและสาวๆ น่าจะร้องเฮ สำหรับ คนที่ชอบกินกาแฟ เพราะกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่อร่อย และกินแล้วสดชื่น และยังช่วยเรื่องการกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย สำหรับบางคนที่ดื่มอาจจะคลายความหิวระหว่างวันได้ดีกว่าที่คิดด้วยนะ แต่แนะนำว่าต้องเป้นกาแฟดำ ไม่ใส่นม และน้ำตาล เท่านั้นนะ 

-ชาเขียว 

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่ดื่มกาแฟดำไม่ได้ ดื่มชาเขียวเอาแทนได้เลย เพราะว่าการชาเขียวนั้นสามารถช่วยคลายความหิวเหมือนกาแฟได้ และยังช่วยเรื่องการกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันได้เช่นกัน ดื่มชาเขียวได้เลย แต่ไม่ใส่นมหรือใส่น้ำตาลด้วยนะ

-อกไก่

การที่เราลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนได้ดี ต้องหันมาเน้นการกินโปรตีน นั้นเอง และการที่เราเลือกกินโปรตีนที่ดีต้องเลือกกินเป็นโปรตีนลีนๆ ไม่เอาแบบติดมันๆ ด้วยนะ  ดังนั้น อกไก่ จึงเป้นตัวเลือกที่ดี สำหรับการกินเพื่อเพิ่มโปรตีนนั้นเอง เพราะมันมีโปรตีนสูง แคลอรี่ต่ำและไขมันต่ำด้วยนะ 

-ปลา

การที่เรากินโปรตีนและบางครั้งเราเบื่อที่จะกินอกไก่ หันมากินปลาได้นะ เพราะว่าปลาก็ให้โปรตีนที่ดีและไขมันต่ำเหมือนกัน ยกตัวอย่างปลา อาจจะเป็นปลาเนื้อขาว ทั่วไป หรือ ทูน่า หรือ จะเป็นปลาแซลมอนก็ได้ เพียงแต่ปลาแซลมอนจะมีไขมันดีแฝงมาด้วย ถ้ากินก็คำนวณสารอาหารให้ดีๆนะ

-ถั่วอัลมอนด์

การที่เราลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนที่ดี ต้องกินไขมันด้วยนะ ใช่กินไขมันด้วย ซึ่งต้องกินเป็นไขมันดี เพราะการที่เราลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน การกินไขมันยังจำเป้นนะ และการที่เรากินไขมันดี ก็เพื่อให้ร่างกายยังคงความชึ่มชื่น ผมสวย เล็บแข็งแรงและยังช่วยเข้าไปไล่ไขมันไม่ดีในร่างกายด้วยนะ เพราะฉะนั้น ถั่วอัลมอนด์มันเป็นทางเลือกที่ดีเลยละ

-ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่

มาสำหรับสายแป้งบ้างหรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนั้นดีต่อร่างกาย เพราะว่าการที่เรากินแป้งจะทำให้เรามีพลังงานที่ดีและอยู่ท้องนาน แป้งที่ดีหรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน นั้นก็คือ ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นต้น มันจะช่วยเรื่องการปล่อยน้ำตาลออกมาช้าๆ จึงทำให้เราไม่หิวบ่อยนั้นเอง แต่การกินแป้งก็ยังต้องกินปริมาณทีเหมาะสมนะ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

สาวออฟฟิศที่อยากลดน้ำหนัก ฟังทางนี้!!

สำหรับสาวๆ ออฟฟิศที่ทำงานแล้วไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง สาวออฟฟิศที่อยากลดน้ำหนัก จนเผลอตัวอีกที ร่างกายก็เปลี่ยนไปซะแล้ว… อย่าเพิ่งท้อใจนะ เพราะว่าวันนี้เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากสาวออฟฟิศที่อยากจะลดน้ำหนักมาฝากกันละ เรามาเปลี่ยนหุ่นให้สวยเหมือนเดิมกันเถอะ!!

1.กินเข้าเช้าและเน้นโปรตีนนะ 

สาวๆ ออฟฟิศคนไหนที่รีบๆ จนลืมกินข้าวเช้าบ่อยๆ หรือข้ามมื้อเช้าไป เลิกเถอะนะ สาวๆ ควรจะหันมากินข้าวเช้าและเน้นการกินโปรตีนละ เพราะว่าการที่เรากินมื้อเช้าจะช่วยทำให้เราทำงานได้ดี และระบบเผาผลาญถูกกระตุ้นด้วยนะ และที่สำคัญสาวๆ ควรจะเน้นการกินโปรตีน เพื่อให้อยู่ท้องและลดการกินอาหารจุกจิกได้ละ 

2.เตรียมของว่างที่มีประโยชน์ 

สาวๆที่อยากจะลดกินของจุกจิก ต้องหันมาเตรียมของว่างที่มีประโยชน์กินแทนนะ อย่างผลไม้หวานน้อย ถั่วเปลือกแข็งอย่างอัลมอนด์ พิซาชิโอ เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยทำให้เราอิ่มโดยไม่เปลืองแคลอรี่เลยละ เพราะมันมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายละ 

3.เลือกกินมื้อหลักที่เป็นอาหารคลีน

สาวๆ รู้หรือเปล่าว่าการที่เราจะลดไขมันหรือลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น การกินอาหารคลีนนั้น มีผลมากเลยละ เพราะว่าอาหารคลีนจะทำให้ร่างกายไม่สะสมไขมันไม่ดี และยังได้สารอาหารที่ดีและแคลอรี่ไม่สูงไปด้วยละ 

4.ดื่มน้ำเปล่าให้มาก

สาวๆ ออฟฟิศที่นั้งทำงานเยอะ บางทีก็ไม่ได้ลุกไปไหน ทำให้การหมุนเวียนของเลือดไม่ดีเท่าที่ควรนะ การดื่มน้ำจะช่วยทำให้การหมุนเวียนของร่างกายสาวๆ ทำงานได้ดีขึ้น แถมดื่มน้ำเปล่ามากๆและยังช่วยทำให้เราไม่ค่อยหิวอาหารด้วยนะ

 

5.ลด หรือ งด เครื่องดื่มหวานๆ ขนมหวานต่างๆ 

การที่สาวๆออฟฟิศจะมีหุ่นที่ดีได้ นั้นจำเป็นมากๆ ที่ต้องลดหรืองด  เครื่องดื่มหวาน ๆ อย่าง กาแฟ หวานมัน ชาไข่มุกหรือขนมต่างๆ อย่าง บิงซู ไอศกรีม เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมไขมันไม่ดีให้กับร่างกายเลยละ 
6.เลิกกินของมัน ของทอด และขนมซอง

สาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดไขมัน แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้เลิกกินของ มันๆๆ ของทอด หรือขนมซองต่างๆ เพราะมีแต่ไขมันไม่ดี และยังมีโซเดียมทำให้ตัวบวมได้ง่ายอีกด้วยนะ 

7.เคลื่อนไหวร่างกายให้เยอะ หรือ ขยับตัวบ้าง

สาวๆ ที่อยากเปลี่ยนหุ่นให้ดีขึ้นต้อง เคลื่อนไหวร่างกายให้เยอะๆ ในระหว่างวันด้วยนะ เพราะว่ามันจะเร่งการเผาผลาญไขมันได้ดี เลยละ หรือ หากไม่ได้เคลื่อนไหวเยอะๆ ก็พยายามขยับร่างกายให้รู้สึกผ่อนคลายบ้างนะ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด

การนอนหลับใครที่นอนหลับยากต้องดูจะช่วยชีวิตคุณได้

การนอนหลับ โดยพฤติกรรมต่างๆเช่นท่านนอนกลางวันมากไปแบบมีเวลาต้องนอนและอย่างงี้ก็ไม่ใช่เรื่องคือนอนกลางวันมันมีเทคนิคการนอนที่ดีคือเรานอนวันลละประมาณสักกลางวันรียกว่าNaping

ซึ่งเทคนิคที่เขาเรียกว่า คาปูชิโน แนปปิ้ง ก็คือกินกาแฟก่อนสักแก้วหนึ่งแล้วก็หลับสัก20นาที เ พราะว่าหลังจาก20นาทีตัวกาแฟมันจะกระตุ้นให้ท่านาตื่นท่านจะสดใสทั้งวันการนอนเพียงแค่20นาทีในตอนกลางวันเขาบอกว่าจะช่วยให้สมองท่านไบรท์ดีขึ้นแล้วก็มีสุขภาพที่ดีขึ้นทดแทนการนอนกลางคืนที่นอนน้อยได้ถึง2ถึง4ชั่วโมงเลยทีเดียว

นอกจากนี้ถ้าท่านนอนกลางวันมากไปเช่นมากกว่า1ชั่วโมงอันนี้ไม่ดีถ้าเมื่อไหร่ก็ตามนอนกลางวันมากกว่า1ชั่วโมงกลางคืนท่านจะนอนหลับยากแล้วการนอนกลางวันมากกว่า1ชั่วโมงไม่สดชื่นเพราะว่าวงรอบของการนอนท่านผิดปกติเพราะฉะนั้นนอนกลางวันเต็มที่คือไม่ควรเกิน1ชั่วโมงแนะนำคือ20-30นาทีเพียงพอแล้ว

เนื่องจากนี้ การทานอาหารต่างๆ ก็เป็นสาเหตุได้ เช่น ท่านทาชากาแฟเยอะมากเลยกินกาแฟทั้งวันหรือท่านสูบบุหรี่เยอะท่านดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเยอะหรือว่าท่านดื่มพวกน้ำดำต่างๆเพราะมันมีคาเฟอีนสูงอันนี้ก็เป็นสาเหตุเป้นสาเหตุที่ทำให้ท่านนอนหลับได้ยาก

คราวนี้เรามาดูความรู้ต่อมาก็เป็น ภาวะที่ท่านทายานอนหลับแล้วติดยานอนหลับเป็นประจำเพราอะไร เพราะว่าพอท่านเลิกทานยานอนหลับท่านก็นอนไม่หลับแล้วไงคือการทานยานอนหลับไปนานๆ โดยเฉพาะนานเป็นสัปดาห์หรือบางคนคือเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านทานยานอนหลับมากกว่า1เดือนติดต่อกันเสร็จเลยงานนี้งอกเลย

เพราะท่านจะหลับได้จะต้องทานยาเท่านั้นถ้าท่านไม่ทานยาท่านจะไม่หลับเลยมันเหมือนร่างกายแบบตอบสนองว่าฉันต้องกินยาตัวนี้ฉันถึงจะหลับได้อันนี้งานงอกแล้วกว่าจะแก้ได้ยากเพราะฉะนั้นยานอนหลับเช่นท่านมีภาวะเครียดตอนนี้หรือทำงานเครียดคุณหมอให้ยาเขาเรียกว่ายาคลายเครียดมา

ซึ่งเป็นยานอนหลับอ่อนๆท่าน็ทานสักอาทิตย์หนึ่งแล้ว  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่า    ก็พอพักอย่าไปทานติดต่อกันสองสามสัปดาห์อย่างงี้ไม่ดีถ้าท่านติดยานอนหลับแล้วมันเลิกยากมันเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งเลยทีเดียวค่อนข้างที่จะอันตรายอันนี้คือเขาเรียกว่าสาเหตุแล้วก็อีกหนึ่งสาเหตุก็คือเรื่องของนาฬิกาชีวิตที่ท่านเสียไป

ดังนั้นอะไรมันคือนาฬิกาชีวิตก็คือร่างกายของเราจะหลั่งตรงเวลาแล้วจะตื่นตรงเวลานี่ร่างกายเรามักจะเป็นอย่างนี้แต่โดยชีวิตของเราในปัจจุบันมันจจะมีงานมันจะมีการทำงานเป็นกะเป็นเวลาที่มันทำให้เรานอนหลับได้ไม่ตรงรอบของเราก็จะทำให้เกิดภาวะนอนหลับยาก

สิ่งที่ควรรู้ก่อนออกกำลังกาย

สิ่งที่ควรรู้ก่อนออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นกิจกรรที่สามารถช่วยในการส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ แถมยังเป็นกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ซึ่งหลายคนก็คงทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายในสมัยนี้นั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะยิ่งถ้าเราออกเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ดีให้แก่ร่างกาย และยังช่วยให้เรามีร่างกายที่ดี มีสุขภาพที่ดี

ร่างกายรู้สึกสดชื่นตลอดเวลาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หลายคนจะมองว่าการออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่สำหรับบางคนก็อาจจะมองว่าการออกกำลังกายไม่ได้ช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีเสมอไป แถมถ้าเราออกมาก ๆ  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล    ก็จะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบที่ไม่ดีอย่างหนักก็ได้

ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้อนออกกำลังกายวันนี้เราก็จะมาแนะนำสิ่งที่เราควรรู้ก่อนการออกกำลังกายว่ามีสิ่งไหนบ้างที่เราควรรู้ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

ควรเลือกทานอาหารก่อนการออกกำลังกาย หลายคนอาจจะมองว่าการที่เราเลือกทานอาหารก่อนการออกกำลังกานจะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบอย่างหนักได้ เช่น อาจทำให้เรารู้สึกจุกเสียดท้อง หรือาจทำให้เรามีการไม่สบายท้องได้ แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราเลือกทานอาหารก่อนการออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่ามาก เพราะการออกกำลังกายจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ดังนั้น ก่อนการออกกำลังกายทุกครั้งจะต้องเลือกทานอาหารให้เหมาะสมเพื่อเป็นตัวกระตุ้นการเผาผลาญร่างกาย และช่วยให้การออกกำลังกายนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ อย่างที่เราทราบกันดีว่าหากร่างกายของเราเริ่มขาดน้ำ จะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อร่างกาย เพราะปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นที่จะต้องได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายมีปริมาณน้ำที่สมดุล ดังนั้น หากใครที่ต้องออกำลังกายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีปริมาณน้ำที่เหมาะสม และเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากร่างกาย และที่สำคัญเลยก็คือ เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำ หรืออาการช็อกนั่นเอง 

เลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสม แน่นอนว่าจะออกกำลังกายทั้งทีจำเป็นที่จะต้องเลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เพราะการออกกำลังกายในสมัยนี้นั้นก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป บางคนออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก หรือบางคนอาจออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ดังนั้น ทางที่ดีไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การเลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด นอกจากจะส่งผลดีต่อร่างกายของเราแล้วนั้น ยังช่วยให้การออกกำลังกายของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

สุขภาพจิตของนักเรียนมัธยมปลายในช่วงการระบาดของ COVID-19

สุขภาพจิตของนักเรียนมัธยมปลาย American Psychological Association (APA) รายงานว่า 81% ของวัยรุ่น Gen Z (อายุ 13–17 ปี) ประสบกับความเครียดที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19 การศึกษานี้ใช้วิธีการแบบสำรวจพร้อมกับการวิเคราะห์ทางสถิติที่มีประสิทธิภาพ

เพื่อระบุตัวสร้างความเครียดที่สำคัญจากกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนมัธยมในมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา การสำรวจของเราประกอบด้วยตัวสร้างความเครียดที่หลากหลาย (ตัวแปรอธิบาย 15 ตัว)

เฉพาะสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย ตัวควบคุม (4 ปัจจัยสำหรับสภาวะที่มีอยู่ก่อนแล้ว) และตัวประมาณสุขภาพจิต (ตัวแปรตาม 7 ตัว) เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพจิตในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ผลลัพธ์ (n = 107) แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องที่ดีในการประมาณค่าของเรา (α ของครอนบาค = 0.78) และความเสื่อมโทรมทางสุขภาพจิตที่มีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 0.636, p ≪ 0.001) สหสัมพันธ์ (r = 0.2, p = 0.034)

และการวิเคราะห์การถดถอยพบว่าการเรียนรู้ออนไลน์ (β1 = -0.96, p = 0.004) มีอิทธิพลมากที่สุดต่อความเสื่อมโทรมของสุขภาพจิต โดยมีความแตกต่างทางเชื้อชาติอยู่บ้าง เวลาออกกำลังกายช่วยลดความเสื่อมโทรมของสุขภาพจิต (β3 = -0.153, p = 0.037) ปัจจัยอื่นๆ เช่น เพศ เวลาทำการบ้าน เวลาเรียน

ปัญหาสุขภาพจิตที่มีอยู่ก่อนแล้ว และการบำบัดไม่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเสื่อมโทรมของสุขภาพจิต การวิเคราะห์ความคิดเห็นในรูปแบบอิสระระบุประเด็นสำคัญที่เกิดซ้ำสามประเด็นต่อไปนี้: ความเครียดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการบ้าน (13.2%) ความโดดเดี่ยวทางสังคมหรือการขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (8.5%) และการขาดการสนับสนุนเพื่อสุขภาพจิตที่ดี (12.3%)

การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตของนักเรียนกว่า 1.6 พันล้านคนที่ถึงจุดสูงสุด (UNESCO 2021) และการเรียนของพวกเขา เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ สหรัฐฯ ยังใช้นโยบายล็อกดาวน์โรงเรียนตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2020

เพื่อบรรเทาการแพร่ระบาด การล็อกดาวน์ทำให้โรงเรียนหันมาใช้และติดตามการเรียนรู้ทางไกลอย่างรวดเร็วโดยใช้วิธีการประชุมทางวิดีโอ ครู นักเรียน และครอบครัวของพวกเขาประสบกับความท้าทายต่างๆ มากมาย

รวมถึงความเครียดและความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นซึ่งนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของสุขภาพจิต ประเด็นเหล่านี้ยังถูกรวมเข้าด้วยกันเพิ่มเติมด้วยมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด ซึ่งจำเป็นเนื่องจากการขาดวัคซีนและอัตราการเสียชีวิตสูง (เสียชีวิตมากกว่าสองล้านคนทั่วโลก)

มีรายงานปัญหาสุขภาพจิตเสื่อมโทรมจากโรคระบาดในอดีต (Hawryluck et al., 2004; McAlonan et al., 2007; Lau et al., 2010; Xiang et al., 2014) สถานการณ์โดยรอบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เพิ่มความเครียดและความวิตกกังวลในผู้คน (APA 2020; Tandon 2020; Wang et al., 2020) รวมถึงนักเรียนมัธยมปลาย เหลียงและคณะ (2020) รายงานสัดส่วนของเยาวชนที่มีปัญหาทางจิตใจในช่วงการระบาดของ COVID-19 สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับการระบาดครั้งก่อน

American Psychological Association (APA) รายงาน [American Psychological Association (APA), 2020] ว่าเกือบ 81% ของวัยรุ่น Gen Z วัยรุ่น Gen Z (อายุ 13–17 ปี) มีความเครียดรุนแรงมากขึ้นเนื่องจาก COVID-19 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเรียน อย่างไรก็ตาม รายงานของ APA ไม่ได้เจาะลึกรายละเอียดเฉพาะของตัวสร้างความเครียดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดในโรงเรียน มีการรายงานประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและผลกระทบในหลายประเทศ (Dolean and Lervag, 2021)

จีนเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นจึงมีรายงานการศึกษาหลายฉบับที่วิเคราะห์ผลกระทบของการแพร่ระบาดต่อสุขภาพจิตของนักเรียน Hou และคณะ (2020) หารือเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตายของนักเรียนมัธยมปลายในประเทศจีนในช่วงการระบาดของ COVID-19 การศึกษาของพวกเขาเกี่ยวข้องกับนักเรียนมัธยมปลาย 859 คน (ชาย 61.4% และอายุต่ำกว่า 16 ปี 79.4%) ผลการศึกษาพบว่า ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล PTSD และความคิดฆ่าตัวตาย

และความพยายามฆ่าตัวตายคือ 71, 54.5, 85.5, 31.3 และ 7.5% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การศึกษาของพวกเขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ตัวสร้างความเครียดเฉพาะเจาะจง แม้ว่าพวกเขาจะสันนิษฐานว่าแรงกดดันด้านการศึกษา การปิดโรงเรียนที่แออัด และความอัปยศทางสังคมจากการติดเชื้อ COVID อาจเป็นตัวสร้างความเครียด อย่างไรก็ตาม พวกเขารายงานว่าความถี่ในการออกกำลังกายที่สูงขึ้น

ซึ่งเป็นการควบคุมในการศึกษาของเรา มีความสัมพันธ์กับอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลที่น้อยลง การศึกษาภาคตัดขวางอีกครั้งของนักเรียนมัธยมปลายชาวจีน 532 คนโดย Zhang et al (2020) ใช้แบบสอบถามสามประเภทจากการศึกษาก่อนหน้านี้ และแสดงให้เห็นว่าเกือบ 20% ของสุขภาพจิตของนักเรียนได้รับผลกระทบ การวิเคราะห์ของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าความยืดหยุ่นและการรับมือเชิงบวกเป็นปัจจัยป้องกันภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และอาการเครียด การศึกษาแบบภาคตัดขวางอีกชิ้นหนึ่ง (Liang et al., 2020)

ของเยาวชน 584 คน (อายุ 14–35 ปี) ในประเทศจีน แสดงให้เห็นว่า 40.4% มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาทางจิตใจ และ 14.4% มีอาการ PTSD ในบริบทของโควิด-19 การศึกษาของพวกเขาชี้ให้เห็นว่าสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์กับระดับการศึกษา การจ้างงาน และการใช้รูปแบบการเผชิญปัญหาเชิงลบ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

DNA ของไวรัสโบราณในจีโนมมนุษย์ป้องกันการติดเชื้อ

DNA ของไวรัสในจีโนมมนุษย์ซึ่งฝังอยู่ในนั้นจากการติดเชื้อในสมัยโบราณ ทำหน้าที่เป็นสารต้านไวรัสที่ปกป้องเซลล์มนุษย์จากไวรัสบางชนิดในปัจจุบัน ตามการวิจัยใหม่

บทความเรื่อง “วิวัฒนาการและฤทธิ์ต้านไวรัสของโปรตีนของมนุษย์ที่มีต้นกำเนิดไวรัสย้อนยุค” ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ในวารสาร Science ได้ให้ข้อพิสูจน์ถึงหลักการของผลกระทบนี้ การศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าชิ้นส่วนของ DNA ของไวรัสโบราณที่เรียกว่า endogenous retroviruses ในจีโนมของหนู ไก่ แมว และแกะ

ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสมัยใหม่ที่มีต้นกำเนิดภายนอกร่างกายโดยปิดกั้นไม่ให้เข้าสู่เซลล์เจ้าบ้าน แม้ว่าการศึกษานี้ดำเนินการกับเซลล์ของมนุษย์ในการเพาะเลี้ยงในห้องแล็บ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าฤทธิ์ต้านไวรัสของไวรัสเรโทรไวรัสภายในร่างกายน่าจะมีอยู่ในมนุษย์เช่นกัน

การวิจัยมีความสำคัญเนื่องจากการสอบถามเพิ่มเติมสามารถค้นพบกลุ่มของโปรตีนต้านไวรัสตามธรรมชาติที่นำไปสู่การรักษาโดยไม่มีผลข้างเคียงจากภูมิต้านทานผิดปกติ งานนี้เผยให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของระบบป้องกันจีโนมที่ยังไม่ได้รับการระบุ

แต่อาจมีขอบเขตกว้างขวางทีเดียว Cedric Feschotte ศาสตราจารย์ด้านอณูชีววิทยาและพันธุศาสตร์ของวิทยาลัยเกษตรและวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตกล่าวว่า “ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าในจีโนมมนุษย์เรามีแหล่งโปรตีนที่มีศักยภาพในการสกัดกั้นไวรัสได้หลากหลายชนิด” จอห์น แฟรงค์, Ph.D. ’20 อดีตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในห้องทดลองของ Feschotte และปัจจุบันเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเยล เป็นผู้เขียนคนแรกของการศึกษานี้

ไวรัสเรโทรจากภายนอกคิดเป็นประมาณ 8% ของจีโนมมนุษย์ อย่างน้อยสี่เท่าของจำนวน DNA ที่ประกอบกันเป็นยีนที่เป็นรหัสของโปรตีน Retroviruses

นำ RNA ของพวกมันเข้าสู่เซลล์โฮสต์ ซึ่งจะถูกแปลงเป็น DNA และรวมเข้ากับจีโนมของโฮสต์ จากนั้นเซลล์จะทำตามคำสั่งทางพันธุกรรมและสร้างไวรัสมากขึ้น ด้วยวิธีนี้ ไวรัสจะจี้กลไกการถอดรหัสของเซลล์เพื่อจำลองตัวเอง โดยปกติแล้ว รีโทรไวรัสจะแพร่เชื้อในเซลล์ที่ไม่ได้ส่งต่อจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อไป แต่บางชนิดจะแพร่เชื้อไปยังเซลล์สืบพันธุ์ เช่น ไข่หรือสเปิร์ม ซึ่งจะเปิดประตูให้ดีเอ็นเอของรีโทรไวรัสส่งผ่านจากพ่อแม่ไปยังลูกหลาน และในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งติดตั้งถาวรใน จีโนมโฮสต์

เพื่อให้รีโทรไวรัสเข้าสู่เซลล์ โปรตีนในซองจดหมายของไวรัสจะจับกับตัวรับบนพื้นผิวเซลล์ เหมือนกับกุญแจไขกุญแจ ซองจดหมายนี้เรียกอีกอย่างว่าสไปค์โปรตีนสำหรับไวรัสบางชนิด เช่น SARS-CoV-2 ในการศึกษา Frank, Feschotte และเพื่อนร่วมงานใช้จีโนมิกส์เชิงคำนวณเพื่อสแกนจีโนมมนุษย์และจัดทำรายการลำดับการเข้ารหัสโปรตีนในซองจดหมายของรีโทรไวรัสที่อาจยังคงมีกิจกรรมการจับตัวรับ

จากนั้นจึงทำการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อตรวจหาว่ายีนใดที่ทำงานอยู่ นั่นคือการแสดงออกของผลิตภัณฑ์ยีนเรโทรไวรัสซองจดหมายในเซลล์มนุษย์เฉพาะประเภท “เราพบหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแสดงออก” Feschotte กล่าว “และส่วนใหญ่แสดงออกในตัวอ่อนระยะแรกและในเซลล์สืบพันธุ์ และส่วนย่อยจะแสดงออกในเซลล์ภูมิคุ้มกันเมื่อมีการติดเชื้อ”

เมื่อนักวิจัยระบุโปรตีนซองจดหมายต้านไวรัสที่แสดงออกในบริบทต่างๆ แล้ว พวกเขามุ่งความสนใจไปที่หนึ่ง Suppressyn เนื่องจากทราบกันดีว่าสามารถจับตัวรับที่เรียกว่า ASCT2 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์สำหรับกลุ่มไวรัสหลายชนิดที่เรียกว่า Type D retroviruses Suppressyn แสดงการแสดงออกในระดับสูงในรกและในการพัฒนาตัวอ่อนของมนุษย์ในระยะแรก

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง

ความสำคัญของอาหารที่สมดุลในวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี

ความสำคัญของการรับประทานอาหารที่สมดุลไม่สามารถเน้นได้เพียงพอสำหรับวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี

วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีสามารถบรรลุได้ด้วยการรักษาสมดุลของอาหาร และคำนึงถึงสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้มีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจและมะเร็งชนิดอื่นๆ

อาหารที่สร้างสมดุลคืออะไรและเป็นอย่างไรกันแน่ กล่าวง่ายๆ ก็คือเป็นอาหารที่ให้สารอาหารเพื่อช่วยให้ร่างกายของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง ความสำคัญของอาหารอยู่ที่ปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสม ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่เหมาะสมเมื่อคุณกินอาหารหลากหลายที่มีแคลอรีสูง เช่น ผลไม้และผักสด ธัญพืชไม่ขัดสีและโปรตีน

สำหรับในการคำนวณแคลลอรี่นั้น แคลอรี่เป็นตัวบ่งชี้ปริมาณพลังงานในอาหาร เมื่อคุณรับประทานอาหารเข้าไป แคลอรี่จะถูกบริโภคเมื่อคุณเดิน คิด หรือหายใจ โดยเฉลี่ยแล้ว บุคคลอาจต้องการพลังงานประมาณ 2,000 แคลอรี่ต่อวันเพื่อรักษาน้ำหนักตัว โดยทั่วไป แคลอรี่ของบุคคลอาจขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ผู้ชายต้องการแคลอรีมากกว่าผู้หญิง

เนื่องจากผู้ชายนั้นมีการเผาผลาญและมีการใช้พลังงานมากกว่าผู้หญิง

คนที่ออกกำลังกายมากกว่าต้องการแคลอรีมากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแหล่งที่มาของแคลอรี่มีความสำคัญเท่าเทียมกันกับปริมาณ การบรรจุอาหารของคุณด้วยแคลอรีเปล่า เช่น อาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการใด ๆ ไม่ได้ช่วยแต่อย่างใด แคลอรี่ที่ว่างเปล่าและเป็นแคลลอรี่ที่เผาผลาญได้ยากสามารถพบได้ในอาหารเช่น น้ำตาล,เนย,ขนมประเภทคุ้กกี้,เค้ก,เครื่องดื่มชูกำลัง,ไอศกรีม,พิซซ่า หรือกล่าวง่ายๆก็คืออาหารที่มีรสชาติหวานๆนั่นเอง

ความสำคัญของอาหารที่สมดุล มีความสำคัญกับร่างกายอย่างมาก เพราะการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ดี มีพลังงานมากขึ้น การพัฒนาสุขภาพของคุณ และการเพิ่มอารมณ์ของคุณ โภชนาการที่ดี การออกกำลังกาย และน้ำหนักตัวที่แข็งแรงเป็นส่วนสำคัญของสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีของบุคคล ไม่มีการตั้งคำถามถึงความสำคัญของอาหารเพื่อสุขภาพในชีวิตของคุณ

ถ้าคุณไม่รักษาอาหารที่เหมาะสมสำหรับร่างกายที่แข็งแรง คุณอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดโรค การติดเชื้อ หรือแม้แต่ความอ่อนเพลีย จำเป็นต้องเน้นย้ำถึงความสำคัญของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับเด็ก เนื่องจากไม่เช่นนั้นอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาการเติบโตและพัฒนาการหลายประการ ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยที่สุดบางส่วนที่เกิดจากการขาดอาหารอย่างสมดุล ได้แก่ โรคหัวใจ มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง

และโรคเบาหวาน การออกกำลังกายช่วยจัดการปัญหาสุขภาพมากมายและปรับปรุงสุขภาพจิตด้วยการลดความเครียด ภาวะซึมเศร้า และความเจ็บปวด การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยป้องกันกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคข้ออักเสบ และความวิตกกังวล

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

ผลไม้อะไรที่มีโปรตีนสูง

ผลไม้อะไรที่มีโปรตีนสูง กำลังมองหาวิธีเพิ่มปริมาณโปรตีนของคุณหรือไม่ นี่คือผลไม้ชนิดที่มีโปรตีนสูง

หากคุณกำลังพยายามบรรลุเป้าหมายโปรตีนในแต่ละวันเพื่อสร้างกล้ามเนื้อหรือลดน้ำหนัก คุณอาจสงสัยว่าผลไม้ชนิดใดที่มีโปรตีนสูง มีแหล่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย และแม้ว่าโปรตีนจำนวนเล็กน้อยในผลไม้อาจไม่สร้างความแตกต่างอย่างมากต่อการบริโภคโดยรวมของคุณ แต่ก็ยังสามารถให้โปรตีนเพิ่มเติมแก่คุณได้ การรวมผลไม้ในอาหารของคุณเป็นวิธีที่ดีในการเติมวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และไฟโตนิวเทรียนท์ที่ส่งเสริมสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ผลไม้ไม่สามารถถือเป็นอาหารสร้างกล้ามเนื้อได้ เพื่อให้เป็นความต้องการโปรตีนส่วนใหญ่ของคุณ คุณควรเน้นที่การรวมอาหารที่มีโปรตีนสูงไว้ในมื้ออาหารของคุณ หรือลงทุนในผงโปรตีนที่ดีที่สุด

แต่ถ้าคุณต้องการบรรลุเป้าหมายการออกกำลังกายอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

ต่อไปนี้คือผลไม้เจ็ดชนิดที่มีโปรตีนสูงที่รวมไว้ในอาหารของคุณเมื่อพูดถึงผลไม้ที่มีโปรตีนสูง ฝรั่งจะครองมงกุฎ ประกอบด้วยโปรตีนเกือบ 4.2 กรัมต่อถ้วย ทำให้เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีโปรตีนมากที่สุด ฝรั่งเป็นผลไม้เมืองร้อนที่ปลูกส่วนใหญ่ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อกรุบกรอบและรสหวานที่คล้ายลูกพีชและสตรอเบอร์รี่ผสมกัน ฝรั่งเป็นแหล่งที่ดีของไฟเบอร์ วิตามินซี และโพแทสเซียม

บทความทบทวนของการศึกษาต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน Open Access: Toxicology & Research (เปิดในแท็บใหม่)

ยังแนะนำว่าฝรั่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ส่งเสริมสุขภาพ รวมทั้งเควอซิทิน คาเทชิน และไอโซฟลาโวนอยด์ สารประกอบเหล่านี้ได้รับการแสดงว่ามีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรียที่แข็งแกร่ง สงสัยว่าวิธีที่ดีที่สุดในการกินฝรั่งคืออะไร? คิดว่ามันเหมือนกับที่คุณนึกถึงแอปเปิ้ล แค่ล้างออกแล้วกัดเข้าไป ผิวหนัง เนื้อ และเมล็ดพืชกินได้ทั้งหมด

เมื่อนึกถึงผลไม้ที่มีโปรตีนสูง โอกาสที่อะโวคาโดจะไม่ทำให้คุณนึกถึง อย่างไรก็ตาม ผลไม้สีเขียวครีมนี้มีสารอาหารหลักในปริมาณที่น่าประหลาดใจ เกือบ 3 กรัมต่อถ้วย

ในเวลาเดียวกัน อะโวคาโดมีโซเดียมและคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงสามารถรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำได้อย่างง่ายดาย และเป็นแหล่งที่ดีของไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เส้นใยพรีไบโอติก และโพแทสเซียม ตามรีวิวที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients (เปิดในแท็บใหม่) การบริโภคผลไม้สีเขียวเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมากและปรับปรุงสุขภาพลำไส้ของคุณ อะโวคาโดเป็นผลไม้อเนกประสงค์ คุณสามารถปั่นเพื่อทำกัวคาโมเล่ บดบนขนมปังปิ้ง หรือใส่ลงในสลัดก็ได้ บางคนชอบอะโวคาโดรสหวาน เสิร์ฟพร้อมลูกพีชสไลซ์และราดด้วยน้ำผึ้ง

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

วัคซีนแต่ละประเภท การปฏิบัติตัวเมื่อเข้ารับวัคซีน และหลังการรับวัคซีน

หลังการรับวัคซีน ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าที่ผ่านมาจนถึงในขณะนี้การระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย ยังมีการระบาดโดยตลอด ซึ่งการได้รับวัคซีน เป็นสิ่งจำเป็นรวมทั้งสำคัญมาก ๆ เพื่อเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในตอนนี้มีวัคซีนที่ผลิตจากประเทศต่าง ๆ มากมาย วันนี้พวกเราจะพาทุกท่านมารู้จักกับ วัคซีนแต่ละแบรนด์กันเพิ่มมากขึ้น

– Astrazeneca ผู้คิดค้น คือ ประเทศสวีเดน และอังกฤษ ความสามารถสำหรับการคุ้มครองป้องกันเท่ากับ 70 – 80% ปริมาณที่ต้องคือ 2 โดส โดยให้ฉีดห่างจากโดสแรก 4-12 อาทิตย์ ผลกระทบ เช่น ปวดรอบ ๆ ที่ฉีด ไข้ อ่อนแรง หลังรับวัคซีน

– Sinovac คิดค้นโดยประเทศ จีนคุณภาพสำหรับในการคุ้มครองปกป้อง  50% ปริมาณโดสที่ต้องการ  2 โดส โดยให้ฉีดห่างจากโดสแรก  2 อาทิตย์ ผลกระทบ เช่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หลังรับวัคซีน

– Sputnik V คิดค้นโดยประเทศ รัสเซีย ความสามารถสำหรับในการคุ้มครองปกป้อง  90% ปริมาณโดสที่ต้องการ 2 โดส โดยให้ฉีดห่างจากโดสแรก  3 อาทิตย์  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน   ผลกระทบ เช่น ปวดศรีษะ ปวดกล้าม อ่อนแรง หลังรับวัคซีน

– Sinopharm คิดค้นโดยประเทศ จีน คุณภาพสำหรับเพื่อการปกป้อง 80% ปริมาณโดส 2 โดส โดยให้ฉีดห่างจากโดสแรก  3-4 อาทิตย์ ผลกระทบ เช่น ปวดศรีษะ ปวดกล้าม เมื่อยล้า หลังรับวัคซีน

– Novavax คิดค้นจากประเทศสหรัฐอเมริกา คุณภาพสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกัน 90% ปริมาณโดส 2 โดส โดยให้ฉีดห่างจากโดสแรก 3 อาทิตย์ ผลกระทบ ปวดรอบ ๆ ที่ฉีด ปวดศรีษะ อาเจียน หลังรับวัคซีน

ปฏิบัติอย่างไร เมื่อเข้ารับการฉีดยา

ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด รวมทั้งเว้นระยะห่าง จัดแจงเอกสารที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเข้ารับบริการให้พร้อม ก่อนรับการฉีดยา ชี้แนะให้ฉีดแขนข้างที่ไม่ค่อยถนัด เพื่อคุ้มครองผลกระทบพื้นฐานสอดคล้องกับการดำรงชีพ ถ้ามีโรคประจำตัวหรือ ยาที่จะต้องกินบ่อย ๆ ควรจะแจ้งพยาบาลก่อน

ปฏิบัติอย่างไร หลังรับการฉีดยา

ควรจะคอยหรือพักรอดูอาการที่จุดบริการก่อน 30 นาที ถ้ามีลักษณะอาการแตกต่างจากปกติ ควรจะรีบแจ้งให้กับพยาบาลทราบดูลักษณะของตนเองต่ออีก 48 – 72 ชั่วโมง ถ้าเกิดเจออาการแตกต่างจากปกติที่ร้ายแรง ควรจะรีบไปพบหมอในทันที ควรจะฉีดให้ครบโดส ตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อคุณภาพสำหรับการปกป้องคุ้มครอง ควรตรึกตรองและก็คิดสิ่งที่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์ก่อนฉีดยา ดังต่อไปนี้

– ประวัติการแพ้ยา วัคซีน ของกิน สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ อย่างหนักหรือจนกระทั่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต

– จับไข้เกิน 38 องศาเซลเซียสในวันที่นัดหมายฉีดยา

– มีรอยฟกช้ำ หรือจ้ำเลือด หรือเลือดไหลไม่ปกติ หรือมีการใช้ยาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดอยู่ 

– เป็นผู้มีภูมิต้านทานต่ำหรือใช้ยากดภูมิต้านทานอยู่ 

– หาเป็นเข็มสอง ให้แจ้งอาการที่เกิดขึ้นจากการฉีดเข็มแรก

– กำลังมีครรภ์ หรือให้นมลูก

NJPA มุ่งมั่นที่จะรักษาความปลอดภัยของคุณในช่วงเวลาที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้

NJPA มุ่งมั่นที่จะรักษา แพทย์ของ NJPA แนะนำให้คุณรับวัคซีนโควิด เราได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประสบการณ์ของเรากับโควิดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับการเจ็บป่วยที่รุนแรง ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการคลอดก่อนกำหนดและการตายคลอดของทารกของคุณ ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน เป็นต้น มีความเสี่ยงสูงยิ่งขึ้นไปอีก

ไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ใดที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือสูญเสียการตั้งครรภ์ อันที่จริง

ไม่มีหลักฐานของผลลัพธ์ที่เลวร้ายต่อแม่หรือทารกจากการฉีดวัคซีนแก่ผู้ตั้งครรภ์ คุณสามารถรับวัคซีนโควิด-19 ควบคู่กับวัคซีนอื่นๆ ได้ คุณควรได้รับเครื่องกระตุ้นในระหว่างตั้งครรภ์เช่นกัน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยในท้องถิ่นและการเจ็บป่วยที่รุนแรงในสตรีมีครรภ์ เราขอแนะนำให้คุณไม่รอเพื่อรับยากระตุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจาก CDC, ACOG, SMFM และสมาคมการแพทย์อื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน

หากคุณกำลังคิดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์แล้ว เพิ่งคลอด หรือรู้จักใครที่กำลังตั้งครรภ์หรือกังวลเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ รับวัคซีนของคุณตอนนี้และอยู่อย่างปลอดภัย โปรดดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโควิดด้านล่างจาก Society for Maternal-Fetal Medicine SMFM คำแนะนำทางคลินิก

เอกสารการศึกษาผู้ป่วย SMFM แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโควิด ในขณะที่เราตอบสนองต่อแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) กรมสาธารณสุขของรัฐนิวเจอร์ซีย์ สมาคมเวชศาสตร์ทารกในครรภ์ (SMFM) และวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งอเมริกา (ACOG) เราตระหนักดีว่าการดูแลก่อนคลอดยังคงอยู่ จำเป็นสำหรับทั้งแม่และลูก พนักงานของเราใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยของคุณผ่านการฆ่าเชื้อพื้นผิวและอุปกรณ์ระหว่างผู้ป่วย การให้คำปรึกษาอาจเกิดขึ้นผ่านเทคโนโลยีเสมือนเมื่อเป็นไปได้ เนื่องจากเราพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อลดจำนวนห้องรอ

ผู้เข้าพักที่อายุเกิน 18 ปี 1 คนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางไปกับผู้ป่วยในสถานที่ต่างๆ ของเราที่ Livingston, Teaneck, Westfield และ Warren โปรดทราบว่า ในปัจจุบัน นโยบายของโรงพยาบาลที่สถานที่ Belleville Clara Maass ของเรายังคงห้ามไม่ให้ผู้มาเยี่ยมผู้ป่วยของเราไปด้วย

เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ หากคุณเคยสัมผัสกับเชื้อโควิด-19 หรือสงสัยว่ามีอาการที่น่าเป็นห่วง เช่น มีไข้ ไอ หายใจลำบาก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ หรืออาการทางเดินอาหาร คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนตารางนัดหมายใหม่และถ้าหากคุณมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลของคุณ โปรดอย่าลังเลที่จะโทรหาเราที่ NJPA เราสามารถที่จะให้คำปรึกษาและช่วยเหลือได้อย่างทันถ้วงที

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังศิริราช